สวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน วันนี้ได้ภาพชาป่าปิงเต่าอีกชุดมาให้ดูกันครับ และข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยครับ หมู่บ้านปิงเต่าอยู่ห่างจากตำบลหม่งคู่สี่สิบกว่ากิโล (หม่งคู่เป็นตำบลที่ห่างไกลและยังล้าหลังอยู่มากครับ) ถึงแม้ดูจากระยะทางไม่น่าไกลมากครับ แต่เส้นทางนั้นทุระกันดารครับ เป็นถนนดินลูกรังครับ ต้องเดินเท้าเข้าไปหรือขี้ม้าเท่านั้นครับ มีแต่บางช่วงของฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิที่สามารถขับรถเข้าไปได้ครับ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านโบราณเล็กๆและยังเป็นเขตยากจนของชนบทยูนานครับจึงยังไม่ได้ตัดถนนใหญ่ หมู่บ้านนี้ได้เป็นที่รู้จักของชาวจีนได้เนื่องจากเป็นแหล่งต้นชาโบราณที่ปลูกมาตั้งแต่ยุคหมิง ประมาณปี ค.ส 1485 ครับ จะพูดให้ถูกต้องแล้วชาของที่นี่เราควรเรียกเธอว่า ต้นชาคนปลูกปล่อยป่าครับ ไม่ใช่ชาป่าอายุพันๆปีที่ขึ้นเองตามป่าตามเขานะครับ ตอนนี้ปิงเต่ากลายเป็นเป้าหมายที่คอชาผูเอ่อร์ตัวจริงชาวจีนที่ต้องไปพิชิตถึงที่ให้ได้เลยครับ ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นครับ คำหวังดีของคุณจาง (ซื้อชาต้องเชื่อน้ำที่ไหลเข้าปาก อย่าเชื่อลมที่ออกจากปากนะครับ ฮ่าๆๆ) ป้ายของหมู่บ้านครับ
มีคอชาแวะมาเยี่ยมเยียนเป็นระยะครับ
กลุ่มต้นชาครับ มองเผินๆคล้ายภาคเหนือบ้านเรานะครับ แต่ก็มีความแตกต่างในความเหมือนครับ
ต้าชา
ต้นชา
ชนพื้นเมืองส่วนมากเป็นชาวอาข่า พวกนี้ก็กระจายอยู่ตามภาคเหนือบ้านเราเหมือนกันครับ ชาวูหลงบ้านเราก็อาศัยชาวอาข่าเป็นคนเด็ดชาเป็นหลักนะครับ
บรรยากาศหมู่บ้านครับ
ต้นชาก็ปลูกตามริมบ้าน ริมสวน ริมรั้วนี่แหละครับ เค้าถึงอยู่รอดมาได้หลายๆร้อยปี ชาที่อื่นส่วนมากถูกตัดทิ้งไปหมดแล้วครับ
ต้นชาพวกนี้ก็เป็นแหล่งชาที่ชาวบ้านเค้าดื่มกันมายาวนานหลายชั่วคนแล้วครับ เอาหละว้า เราไปแย่งแหล่งชาเค้าซะแล้ว แต่เราก็ให้ผลตอบแทนที่ดีนะครับ ฮ่าๆ
ต้นชา
ต้นชา
ต้นชาเต็มไปหมดครับ
ยังมีจำนวนไม่น้อยเลยใช่ไหมครับ
ต้นนี้หลายร้อยปีนะครับ
ต้นนี้ก็หลายๆร้อยปีแน่ครับ
ใบชาสดๆที่แย่งกันซื้อครับ
พี่จางไปพิชิตมายังครับ หมู่บ้านนี้
ตอบลบเสาร์นี้แวะเข้าซีคอนครับ พี่อยู่ไหมครับ
สวัสดีครับ เสาร์นี้ผมไม่อยู่ครับ ไปต่างจังหวัดครับ
ตอบลบไปทักทายอาซ๊อมาครับ พอดีแฟนอยากไปชอปปิ้ง
ตอบลบเห็นสินค้าร้านพี่มาใหม่เต็มเลย พี่จางไปแม่สลอง เดินทางปลอดภัยนะครับ