เก็บชาผูเอ่อร์

วันนี้ผมได้ส่งชาปิงเต่าที่เก็บไว้บางส่วนที่คุนหมิงมากรุงเทพ เปิดดูและเปรียบเทียบกับชาที่เก็บในกรุงเทพ ชาชนิดเดียวกัน ปีเดียวกัน ลอ็ตเดียวกัน แต่เก็บต่างที่ ปรากฏว่าชามีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ด้วยตาปล่าว และรสชาติก็มีความต่างครับ เนื่องจากที่คุนหมิง อากาศเย็น แห้ง แตกต่างจากกรุงเทพที่ร้อน ชื้น ทำให้ชาที่เก็บในโกดังคุนหมิงมีความหอมสดมากกว่าในกรุงเทพ แสดงว่าอากาศเย็น แห้ง เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรักษารสชาติให้สดมากที่สุด แต่โกดังกรุงเทพ อากาศร้อน ชื้น จะทำให้ชาหมักตัวเร็วขึ้น ทำให้ชาสลัดความสด ได้ความกลมกล่อมนุ่มเข้ามาแทนเร็วกว่า แต่ทั้งสองที่ผมเก็บโกดังแห้งนะครับ บางทีสภาพแวดล้อมมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของใบชามาก ก็ขอให้ข้อมูลตรงส่วนนี้แก่เพื่อนๆด้วยครับ หรือท่านใดอาจทดลองเก็บชาแบบแปลกๆใหม่ๆก็ไม่ว่ากันนะครับ ไม่ลองไม่รู้ครับ ฮ่าๆๆ คงไม่มีใครไปเก็บบนอวากาศนะ. 

สีของใบชาแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดครับ

เปรียบเทียบสีน้ำชา อาจใส่ชาไม่เท่ากัน เวลาแช่ชาไม่เป๊ะเท่ากัน แต่ความต่างมีแน่นอนครับ

ข้อแนะนำจากคุณจางในการเก็บชาผูเอ่อร์

ควรเก็บในอุณหภูมิห้องในสถานที่ที่ท่านอยู่ ระวังความชื้น แสงแดด กลิ่นรบกวน 

ไม่ควรเก็บในห้องแอร์ หรือในที่อุณหภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงเยอะเกินไป และอย่าคิดไปเร่งความร้อนและเพิ่มความชื้นนะครับ เดี๋ยวมันจะกลายเป็นชาโกดังเปียก

ชาต้องการอากาศในการหมักตัว ควรเก็บในที่อากาศสะอาดถ่ายเท

ถ้าชามาเป็นลังก็ควรเก็บเป็นลัง มาเป็นมัดก็ควรเก็บเป็นมัด หรือเก็บในถ้ำชาถ้ามาเป็นแผ่น ตวรหมั่นตรวจเช็คเป็นประจำ ชาที่เก็บอย่างหนาแน่นย่อมดีกว่าชาที่เก็บแบบเบาบาง เพราะชายิ่งน้อยยิ่งสูญเสียกลิ่นชาง่ายกว่าชาเยอะที่หนาแน่น

ชาดีมีสิทธ์เก็บไม่ดี ชาเลวเก็บยังไงก็ไม่มีวันดีขึ้นหรอก เชื่อผม

เข้าใจกันง่ายๆ ชาที่เก็บดีเรียกกันว่าชาโกดังแห้ง ชาที่เก็บผิดพลาดหรือตั้งใจเก็บแบบผิดวิธี โดยต้องการเร่งหมัก เรียกกันว่าโกดังเปียก กลิ่นและรสจะฟ้องตัวมันเอง

ชาเก็บต่างที่รสชาติย่อมต่างกัน บางทีแผ่นเดียวกันตรงขอบกับตรงใจกลางยังไม่เหมือนกันเลย ฮ่าๆๆ

อ๋อๆๆ เกือบลืมสำหรับมือใหม่ ชาสุดชาดิบ อย่าเก็บในถ้ำเดียวกัน เดี๋ยวกลิ่นมันตีกัน