23 ธันวาคม 2561

เล่า

วันนี้นั่งชาชาที่ร้าน ได้นึกย้อนกลับไปว่าเราชงชาครั้งแรกเมื่อไหร่ ยังจำกันได้หรือปล่าว ภาพในสมองก็เด้งขึ้นมาทันที  ติ๊ง...ในสมัยเด็ก ที่บ้าน เวลาแขกมา ปกติมีมากันทุกวัน วันล่ะหลายรอบ กาเก็บน้ำร้อน กาน้ำชาสแตนเหล็ก แก้วชากันร้อน เป็นแก้วชาที่ทำกระจกจริงๆ แขกนั่งคุยกัน เราชอบนั่งฟังข้างๆ ได้ความรู้มากมาย เรื่องราวโลกภายนอกที่เราไม่ค่อยได้รู้ ตอนนั้นผมอยู่บนดอย อ้อๆ..แล้วก็ชาปลูกเองจากไร่ที่บ้าน ชาจาก กทม เป็นของพรีเมี่ยม หาดื่มได้ยากในยุคนั้น ไม่ทราบยี่ห้ออะไร เป็นกระป๋องเหล็กทรงกระบอก มีรูปวัดวังสกรีนอยู่ด้านนอก แขกไปแล้วก็เก็บแก้วล้างแก้ว อะไรประมาณนี้ เรื่องราวที่กล่าวมาเป็นจุดเริ่มต้นในอาชีพชงชาของข้าพเจ้า อย่างไม่รู้ตัว เสี่ยวเอ้อชงชา ฮ่าๆๆ ...
ผลตอบแทนคือ ความรู้มากมายจากผู้ใหญ่สนทนากัน และขนมผลไม้ที่ต้อนรับแขก ที่จ้องตาเป็นมัน 555 หลายทีก็มักจะได้ อั่งเปา จากญาติที่มาใกล แม้ไม่ใช่เทศกาลตรุษจีนก็ตาม เด็กรุ่นนี้ไม่ค่อยได้มีสวัสดิการนี้แล้ว ที่จำได้แม่นที่สุดคือ ข้าพเจ้าได้อั่งเปาก้อนโตจนตกใจ รีบไปฟ้องแม่ จากญาติที่มาจากใต้หวัน ในขณะที่ผมได้ใช้เงินค่าขนมวันล่ะ 2 บาท เจอเวินในซองแดง 2000 บาทย่อมตกใจเป็นของธรรมดา นั่นหมายถึงค่าขนมเป็นปีๆที่ได้รับในครั้งเดียว อาชีพชงชาใช้ได้จริงๆ ฮ่าๆๆ
จากการชงชาในตอนเด็ก สอนให้ผมรู้ว่า ต้องระวังน้ำร้อนนะ แก้วต้องแก้วทนร้อนนะ ไม่งั้นมันจะแตก ปั้นชาเป็นสิ่งที่หาได้ยากในยุคนั้น การชงชาก็ต้องใช้น้ำร้อนผสมเพื่อให้อุ่นและเจือจาง เพื่อชาจะได้รสชาติพอดี เข้มไปก็ขม อ่อนไปก็จาง เส้นทางสายกลางดีที่สุด และความรู้ที่ได้จากการรับฟังเป็นสิ่งที่มีค่ามหาศาล ในยุคที่ขาดแคลนข้อมูลข่าวสาร ไม่มีทีวี ไม่มีวิทยุ ในบ้านผม และรู้จักไปมาหาสู่ระหว่างญาติมิตร ช่วยเหลือซึ่งกันและกันยามลำบาก ...
ทั้งหมดนี้เชื่อมต่อกันด้วยชาที่เราชง ในโลกของชามีมากกว่าที่เราเห็น เราคิดใช่ไหมครับ ...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น