20 มีนาคม 2555

ชาอูหลงปลอดสารพิษ

( บทความกึ่งโฆษณากึ่งความรู้ครับ )
มาถึงฤดูใบไม้ผลิกันอีกแล้วครับ นี่เป็นฤดูที่ผลิตชาวูหลงที่ได้คุณภาพที่ดีที่สุดของปีเลยนะครับ แต่ไม่ได้หมายความว่ารสชาติหอมที่สุดนะครับ เพราะว่าจะทำให้ชากลิ่นหอมมันต้องหลายๆปัจจัยมากเลยครับ ที่มาแนะนำเป็นชาอูหลงก้านอ่อนที่ไม่ใส่ปุ๋ยเคมีและไม่ได้ฉีดยา ส่วนตัวผมขอยกให้เป็นที่หนึ่งของชาอูหลงเมืองไทยครับ ( ดีต่อสุขภาพที่ไม่มีสารเคมีไงครับ รสชาติเป็นรองครับ ) บางทีก็จะเรียกกันว่าอูหลงนางงามครับ เป็นชาปลอดสารพิษครับ ผลผลิตที่ได้น้อยมากครับ เพราะชาวไร่ชาไม่ค่อยอยากทำกัน ผลตอบแทนยังไม่คุ้มค่าเองครับ และรสชาติไม่ค่อยคงที่ เช่นปีนี้จะหอมสู้ปีที่แล้วไม่ได้ แต่ความหวานจะมากกว่าครับ รสชาติชาตัวนี้จะไม่สม่ำเสมอครับ มาชมกันครับ ( จุดเด่น ไร้สารพิษ ชุนฉา รสชาติหวาน ชงทนใช้ได้ จุดด้อย ล็อตนี้ไม่ค่อยหอม น้ำชาอ่อน ใบแก่ไม่สวย ผลผลิตน้อย ราคาสูงกว่าวูหลงทั่วไปครับ )
หน้าตาใบชาครับ ยอดชาทุกยอดเลยครับ แต่จะออกแก่ๆหน่อยนะครับ เพราะให้เค้าเติบโตตามธรรมชาติ

ใบชาปลอดสารพิษจะชงทนได้หลายน้ำครับ

น้ำชาลอ็ตนี้ค่อนข้างอ่อนใสครับ


กากชาออกแก่ๆหน่อยแต่เป็นยอดทุกยอดครับ


ยอดจะป้อมๆแคระๆครับ



บทความเพิ่มเติมสำหรับผู้อยากศึกษาเพิ่มครับ

๑.สาเหตุที่ชาวไร่ไม่ค่อยนิยมทำชาตัวนี้เพราะผลผลิตน้อย และไม่ได้ราคาเมื่อนำมาเฉลี่ย ( ผลผลิตได้แค่ไม่ถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์ของปกติ )และรสชาติไม่คงที่ ผู้บริโภคไม่ค่อยรู้จักและเข้าใจ

๒.ใบชารูปร่างไม่ค่อยสวย แต่จะโดดเด่นมีเอกลักษณ์ในด้านรสชาติ ปกติชาตัวนี้จะรสหวานและมีกลิ่นน้ำผึ้งอ่อนๆครับ (กลิ่นน้ำผึ้งมาจากการที่ใบชาโดนแมลงกัดกิน และใบชาจะขับสารตัวหนึ่งออกมาซ่อมแซมตัวเอง สารตัวนี้จะทำให้มีกลิ่นรสชาติน้ำผึ้งอ่อนๆครับ และกลิ่นนี้ไม่อาจปลอมแปลงได้ครับ แต่เดี๋ยวนี้แมลงไม่ค่อยมี ไม่รู้สาเหตุครับ โลกร้อนหรือถูกฆ่าหมด ชาหลังจึงไม่ค่อยได้กลิ่นน้ำผึ้งครับ สงสัยต้องจับแมลงไปเพาะพันธ์ ฮ่าๆๆ)
๓.สาเหตุที่ชาฤดูใบไม้ผลิคุณภาพดีกว่า หรือหลายๆคนพูดว่า น้ำชามีบอดี้ดีกว่า เพราะในเมืองจีนหน้าหนาวอากาศจะหนาวเย็นมาก ใบชาจะหยุดผลิตใบใหม่และได้เวลาในการพักฟื้นหลายๆเดือนในช่วงนี้ และสั่งสมเตรียมพร้อมทีจะผลิตยอกชาเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง ใบชาลอ็ตแรกจึงสมบรูณ์อุดมที่สุดครับ๔.ชาวเขาที่รับจ้างเก็บชาฝากมาบอกว่าไม่ชอบชาตัวนี้เนื่องจากใบชาแก่ เก็บแล้วได้น้ำหนักน้อยไม่คุ้มและเจ็บนิ้วมากๆจนถึงมากที่สุด....ฮ่าๆๆ ค่าจ้างต้องจ่ายพิเศษคร้าบ ต้องไปขอร้องช่วยเก็บที ๆ

๕....ขอเว้นไว้หน่อยจะบอกเมื่อถึงเวลาครับ...
๖.และในการแยกแยะกลิ่นชาธรรมชาติและใบชาอบกลิ่น กลิ่นธรรมชาติของใบชาจะมีกลิ่นหอมอ่อนๆไม่ฉุนรุนแรงเหมือนชาอบกลิ่น เวลาชงก็จะชงทนกว่าชาอบกลิ่น และรสชาติจะค่อยๆลดลงไม่เหมือนชาอบกลิ่นจะชงได้น้ำเดียวรสชาติและหอมมากจนฉุน ( หัวเชื้ออบกลิ่นชาจะละลายกับน้ำครับ พอเจอน้ำก็จะละลายออกหมด น้ำต่อไปก็จะไม่เหลือกลิ่นตกค้างเลย ) ชาธรรมชาติจะชุ่มคอดับกระหายได้ดีกว่าชาอบกลิ่น ชาอบกลิ่นบางตัวดื่มแล้วคอแห้ง ยิ่งดื่มยิ่งกระหายน้ำครับ ถ้าใครดื่มชาอบกลิ่นแล้วจะติดใจกลิ่นที่หอมมาก เวลามาดื่มชากลิ่นธรรมชาติก็จะไม่หอมแล้วครับ กลิ่นธรรมชาติไหนจะสู้กลิ่นเคมีครับ ดูได้จากชาฝรั่งส่วนมากจะอบกลิ่น แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลนะครับ แค่บอกให้เป็นความรู้ครับ ๗.เนื่องจากดึกแล้วและง่วงครับ จึงขอตัวไปพักผ่อนก่อน อาจมีหลงหลืมและยังไม่สมบรูณ์ จะหามาให้อ่านเพิ่มเติมในวันหลังนะครับ หากยังไม่เบื่อ...ฝันดีครับ อ้อ..เกือบลืม บทความนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลที่มาจากประสบการณ์ส่วนตัว โปรดใช้วิจรณญาณในการอ่านนะครับ

9 ความคิดเห็น:

  1. ผมยังจำกลิ่นและรสชาติของชานางงามที่ไปดื่มพร้อมกับพี่ทศ วันที่ไปร้านคุณจางวันนั้นได้เป็นอย่างดี

    เป็นชานางงามที่สุดยอดเลยก็ว่าได้

    ขอบคุณสำหรับบทความดีๆน่ะครับ และขอบคุณคุณจางที่ให้ผมได้ชิมดาดีๆครับผม

    ตอบลบ
  2. ชาลอตนี้ผมไปชิมมาแล้วอาซ้อชงให้ชิม

    จริงครับกลิ่นไม่หอมตามมาตรฐานนางงาม แต่รสชาติชุ่มคอจริงๆ วันนั้นชิมไป สี่น้ำ โอเคครับ ทนจริงๆ

    ไม่รู้ว่านางงามแบบนวดเป็นเม็ดๆ ยังพอมีเหลือไหมครับ ลอตนั้น กลิ่นหอมมาก

    ตอบลบ
  3. เป็นล๊อตใหม่แล้วครับ

    ตอบลบ
  4. น่าสนใจนะครับพี่จางไว้ต้องขอไปลอง

    ตอบลบ
  5. น่าดื่มมากครับท่านอาจารย์จาง ^^ พอจะมีแบ่งจำหน่ายบ้างหรือยังครับผม

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. มีไม่มากครับ ว่างๆลองผ่านมาชิมดูได้ครับ ขอบคุณ

      ลบ